โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ“คลองลัดโพธิ์”
คลองลัดโพธิ์เปนชื่อคลองเดิม อยูบริเวณ ต.ทรงคะนอง อ.พระประแดง เขตจังหวัด สมุทรปราการและ
กรุงเทพมหานคร เปนคลองลัดทางเหนือ-ใตของคุงน้ําของแมน้ําเจาพระยา แตมีสภาพตื้นเขิน มีความกวางเพียง
10-15 เมตร ความยาวราว 600 เมตร เนื่องจากสภาพของแมน้ําเจาพระยาเดิมที่มีลักษณะไหลวนคดเคี้ยวบริเวณ
รอบพื้นที่บริเวณบางกระเจานั้นมีความยาวถึง 18 กิโลเมตร นั้นทําใหการระบายน้ําที่ทวมพื้นที่ชั้นในของ
กรุงเทพมหานครเปนไปไดชา ไมทันเวลาน้ําทะเลหนุน พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวฯจึงมีพระราชดํารัส เมื่อวันที่
4 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ใหพัฒนาใชคลองลัดโพธิ์ เปนพื้นที่บริหารจัดการน้ํา เพื่อแกปญหาน้ําทวม
กรุงเทพมหานคร โดยยึดหลักการ "เบี่ยงน้ํา" ( Diversion) และทรงเสด็จพระราชดําเนินทางชลมารคไปทรงเปด
ประตูระบายน้ําคลองลัดโพธิ์ และทรงเปดสะพานภูมิพล 1 ภูมิพล 2 ในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
โครงการพระราชดําริคลองลัดโพธิ์อยูภายใตการดูแลของหนวยงานหลัก 3 หนวยงานคือ กรมชลประทาน
กรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการพิเศษ เพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ(กปร.) โดยใช
หลักการการระบายน้ําที่หลากและน้ําที่ทวมทางสองฝงของแมน้ําเจาพระยาลงสูทะเลทันทีในชวงกอนที่น้ําทะเล
หนุน และปดคลองลัดโพธิ์เมื่อน้ําทะเลหนุน เพื่อหนวงน้ําทะเลไมใหขึ้นลัดเลาะไปตามแนวแมน้ําเจาพระยาที่คด
โคงถึง 18 กิโลเมตรกอนซึ่งใชเวลามากจนถึงเวลาน้ําลง ทําใหไมสามารถขึ้นไปทวมตัวเมืองได นอกจากนั้นยังชวย
ลดเวลาการเดินทางของน้ําจาก 5 ชม.ใหเหลือเพียง 10 นาที เทานั้น
ประตูระบายน้ําคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดําริ มีศักยภาพในดานการผลิตไฟฟาดวยพลังน้ํา ซึ่ง
กรมชลประทาน ไดรวมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร ทําการศึกษาและวิจัย โดยการประดิษฐกังหันไฟฟาพลังน้ํา
ไหลตนแบบขึ้นมา 2 แบบ คือ แบบหมุนตามแนวแกน ( Axial Flow) และแบบหมุนขวางการไหล ( Cross
Flow) โดยใชใบพัดตนแบบที่วิเคราะหและผลิตขึ้นแบบหมุนตามแนวแกนมีเสนผาศูนยกลาง 2 เมตร และใบพัด
แบบหมุนขวางการไหลมีเสนผาศูนยกลาง 1 เมตร ยาว 2.50 เมตร ที่ความเร็วน้ําออกแบบ 2 เมตรตอวินาที จะทํา
ใหไดกําลังไฟฟาสูงสุด 5 กิโลวัตต โดยไดดําเนินการประกอบและติดตั้งกังหันทั้ง ๒ แบบกับโครงเหล็กที่ปรับขึ้นลง
ไดบริเวณทายประตูระบายน้ําคลองลัดโพธิ์ เพื่อทําการทดลองผลิตกระแสไฟฟา ผลปรากฏวา ไดกําลังไฟฟา
สูงสุดถึง 5.74 กิโลวัตต สูงกวาที่ไดวิเคราะหและคํานวณออกแบบไว ตัวอาคารประตูระบายน้ําเปนคอนกรีตเสริม
เหล็ก มีชองประตูระบายน้ําที่ติดตั้งบานระบายน้ํา 4 ชอง กวางชองละ 14 เมตร โดยฤดูแลงจะปดบานระบายน้ํา
ตลอดฤดู สวนฤดูน้ําหลากปดบานประตูเมื่อน้ําทะเลกําลังขึ้น และเปดบานประตูในชวงที่น้ําทะเลกําลังลง เริ่ม
กอสรางเมื่อ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 ถึง มิถุนายน พ .ศ. 2548 มีงบประมาณ 509 ลานบาท ซึ่งนอกจากเปน
ประตูระบายน้ําแลว พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ไดพระราชทานพระราชดําริใหพิจารณาใชพลังงานน้ําที่ระบาย
ผานคลองลัดโพธิ์ใหเปนพลังงานไฟฟา โดยออกแบบเปนกังหันพลังน้ําอาศัยพลังงานจลนจากความเร็วของ
กระแสน้ํา ติดตั้งบริเวณประตูระบายน้ําเพื่อผลิตกระแสไฟฟาพลังน้ํา ซึ่งไดกําลังไฟฟาสูงสุดที่ 5.74 กิโลวัตตตอวัน
หลังจากเปดใชงานโครงการ เมื่อเปรียบเทียบกับสภาวะกอนมีโครงการ การศึกษาการตรวจสอบการ
ระบายน้ําของแมน้ําเจาพระยาบริเวณที่มีลักษณะทางกายภาพคลายคลึงกับโครงการคลองลัดโพธิ์จากสภาพจริง
และ ศึกษาแบบจําลองทางกายภาพ พบวาการไหลของน้ําจากปากคลองลัดโพธิ์ ความแรงของน้ําไมพุงกระทบถึง
ฝงซายของแมน้ําเจาพระยาดานตรงขามกับปลายคลองลัดโพธิ์ แตเกิดกระแสน้ําหมุนวนเขาหาฝงขวาของแมน้ํา
ดานใกลกับ ปลายคลองลัดโพธิ์และการเปดประตูระบายคลองลัดโพธิ์ เวลาน้ําลงจะทําใหระดับน้ําหนาปากคลอง
ลดลง ทําใหสามารถเพิ่มการระบายน้ํามากกวากรณีปดบานประมาณ 10- 30 เปอรเซ็นต ในชวงเวลาน้ําลง
ต่ําสุด ผลการศึกษาแบบจําลองคณิตศาสตรของแมน้ําเจาพระยา ชวงระยะจากศูนยศิลปาชีพบางไทร ถึงปาก
แมน้ําบริเวณปอมพระจุลจอมเกลา กรณีสมมุติเปนการไหลแบบคงที่คือระดับน้ําทะเลไมเปลี่ยนแปลง พบวาการ
เปดประตูระบายคลองลัดโพธิ์ทําใหระดับน้ําตลอดชวงระยะของลําน้ําแบบจําลองลดลง และกรณีการไหลแบบไม
คงที่ น้ําทะเลขึ้นลงสภาวะปกติ น้ําขึ้นสูงสุด + 1.30 ม.รทก. และลงต่ํา- 1.00 ม.รทก. ผลการจําลองการไหลใน
ชวงเวลา 24 ชั่วโมง พบวา การเปดประตูระบายน้ําคลองลัดโพธิ์ชวยใหระดับน้ําในแมน้ําเจาพระยาชวงระยะตั้งแต
ปากคลองถึงบางไทร รวมถึงบริเวณโคงออม ผานการทาเรือแหงประเทศไทย ลดลง สวนระดับน้ําดานปลายคลอง
ถึงปากแมน้ํามีระดับสูงขึ้นเล็กนอย เนื่องจากปริมาณน้ําไหลเพิ่มขึ้น แต สภาพลําน้ําตั้งแตปลายคลองลัดโพธิ์ถึง
ปากแมน้ํารูปตัดลําน้ํามีขนาดใหญ
นอกจากคลองลัดโพธิ์จะชวยปองกันเรื่องภัยน้ําทวมไดแลว ทุกวันนี้บริเวณละแวกคลองลัดโพธิ์ยังไดกลาย
มาเปนอีกหนึ่งแหลงทองเที่ยวของอําเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีความนาสนใจในการทองเที่ยว
เพราะบริเวณคลองลัดโพธิ์ไดจัดทําเปนสวนสาธารณะ ชื่อ “สวนสุขภาพลัดโพธิ์” ที่มีความรนรื่นดวยตนไมนอย
ใหญ ใหใชเปนสถานที่พักผอนหยอนใจ ออกกําลังกายไดอีกดวย
วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
ที่มาของวันแม่
วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม
วันแม่แห่งชาติ ที่คนไทยทั่วไปนิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า วันแม่ ทุกคนรับทราบและซาบซึ้งกันดี เนื่องจากวันสำคัญนี้ตรงกับ วันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือวันที่๑๒ สิงหาคม อันเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ และถือว่าเป็นวันแม่แห่งชาติด้วย
ความหมายของดอกมะลิ
ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์และเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมเย็นระรื่นใจ จึงยกย่องให้ดอกมะลิเป็นสัญลักษณ์ เป็นดอกไม้วันแม่แห่งชาติ ซึ่งทางราชการให้ถือว่าวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เริ่มในปี พ.ศ.2519 เป็นต้นมา
ประวัติวันแม่แห่งชาติ
แต่เดิมนั้น วันแม่แห่งชาติได้กำหนดเอาวันที่ ๑๕ เมษายน ของทุกๆ ปี ทั้งนี้เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีประกาศรับรองเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๙๓ ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงานวันแม่ มาตั้งแต่วันที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๓ เป็นครั้งแรก เป็นต้นมานั้นได้รับความสำเร็จด้วยดี ด้วยประชาชนให้การสนับสนุนจนสามารถขยายขอบข่ายของงานให้กว้างออกไปได้ การจัดงานไม่เพียงแต่จัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังจัดให้มีการประกวดแม่ของชาติ ประกวดคำขวัญวันแม่ ทั้งนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่แม่ และเพื่อเพิ่มความสำคัญของงานวันแม่ให้ยิ่งๆ ขึ้น ด้วยเหตุนี้งานวันแม่จึงเป็นวันแม่ประจำปีของชาติตามประกาศของรัฐบาล ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม (สมัยนั้น) แต่ทั่วไปเรียกกันว่า วันแม่ของชาติ
ดอกเอ๋ยดอกมะลิ
ถึงยามผลิกลิ่นพราวสกาวต้น
สดสะอาดปราศสีราคีระคน
เหมือนกมลสดใสหมดระคาย
ถึงยามผลิกลิ่นพราวสกาวต้น
สดสะอาดปราศสีราคีระคน
เหมือนกมลสดใสหมดระคาย
กลิ่นมะลิหอมกระไรไม่รู้สร่าง
เปรียบได้อย่างรักแท้ไม่แปรหาย
อันรักแท้แลหัวใจได้บรรยาย
ขอเชิญทาย ณ ที่ไหนจากใครเอย
เปรียบได้อย่างรักแท้ไม่แปรหาย
อันรักแท้แลหัวใจได้บรรยาย
ขอเชิญทาย ณ ที่ไหนจากใครเอย
Blogger คืออะไร
Blog คืออะไร?
หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า Blog คืออะไร? แตกต่างจากไดอารี่ online ไหม? แล้วทำไมคำๆนี้ถึงมาแรงจัง ไปไหนๆก็มีแต่ Blog สรุปแล้วมันคืออะไรกันแน่?
บล็อก (อังกฤษ: blog) หรือ เว็บล็อก (weblog) เป็นหน้าเว็บประเภทหนึ่ง ซึ่งคำว่า blog ย่อมาจากคำว่า weblog หรือ web log โดยคำว่า weblog นั้นมาจาก web (เวิลด์ไวด์เว็บ) และ log (ปูม, บันทึก) รวมกัน หมายถึง บันทึกบนเวิล์ดไวด์เว็บ นั่นเอง
ในปัจจุบันบล็อก ถูกใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ฯลฯ และกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยขณะนี้ได้มีผู้ให้บริการบล็อกมากมาย ทั้งแบบให้บริการฟรี และเสียค่าใช้จ่าย – Wikipedia
ในปัจจุบันบล็อก ถูกใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ฯลฯ และกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยขณะนี้ได้มีผู้ให้บริการบล็อกมากมาย ทั้งแบบให้บริการฟรี และเสียค่าใช้จ่าย – Wikipedia
สรุปง่ายๆ Blog ก็คือ Website รูปแบบหนึ่ง ที่มีการจัดเรียง “เรื่อง” หรือ post เรียงลำดับ โดยเรื่องใหม่จะอยู่บนสุด ส่วนเรื่องเก่าสุดก็จะอยู่ด้านล่างสุด
Blog อาจจะพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นของ ไดอารี่ online ก็เป็นได้ โดย Blog จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรก็ได้ ไม่จำกัด ซึ่ง ไดอารี่ ก็ถือว่าเป็น Blog ในรูปแบบหนึ่ง
Blog ส่วนใหญมักจะเขียนโดยคนเพียงคนเดียว แต่ก็มีไม่น้อยที่เขียนเป็นกลุ่ม โดยอาจจะมีเรื่องราวเฉพาะไปที่ๆเรื่องประเภทเดียว หรือบางทีก็หลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่เรื่องราวที่เขียนขึ้นมานาน จะถูกเก็บรวบรวมเป็น Archives เก็บ ไว้ โดยมักจะแสดงผลเป็น link ในรูปแบบ วันเดือนปี เพื่อให้เราสามารถกดเข้าไปดูได้ ก็ไม่ต้องตกใจว่าที่หน้าแรกของ Blog บางทีก็มีเรื่องแสดงแค่ 10 เรื่องก็หมดแล้ว เพราะบางทีใน Archives อาจมีเรื่องอยู่ในนั้นอีกเป็นร้อยๆ โดยที่เราต้องเข้าไปดู
Blog มักจะมาคู่กับระบบ Comment ที่เปิดโอกาสให้คนอ่าน สามารถ Comment ข้อความต่อท้ายในเรื่องที่เรา post ได้ คล้ายๆรูปแบบของ Webboard ไม่ว่าจะเป็นติชม แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม หรือบอกแหล่งข้อมูลใหม่ๆ หรืออาจจะแค่ทักทายเจ้าของ Blog
Blog อาจจะพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นของ ไดอารี่ online ก็เป็นได้ โดย Blog จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรก็ได้ ไม่จำกัด ซึ่ง ไดอารี่ ก็ถือว่าเป็น Blog ในรูปแบบหนึ่ง
Blog ส่วนใหญมักจะเขียนโดยคนเพียงคนเดียว แต่ก็มีไม่น้อยที่เขียนเป็นกลุ่ม โดยอาจจะมีเรื่องราวเฉพาะไปที่ๆเรื่องประเภทเดียว หรือบางทีก็หลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่เรื่องราวที่เขียนขึ้นมานาน จะถูกเก็บรวบรวมเป็น Archives เก็บ ไว้ โดยมักจะแสดงผลเป็น link ในรูปแบบ วันเดือนปี เพื่อให้เราสามารถกดเข้าไปดูได้ ก็ไม่ต้องตกใจว่าที่หน้าแรกของ Blog บางทีก็มีเรื่องแสดงแค่ 10 เรื่องก็หมดแล้ว เพราะบางทีใน Archives อาจมีเรื่องอยู่ในนั้นอีกเป็นร้อยๆ โดยที่เราต้องเข้าไปดู
Blog มักจะมาคู่กับระบบ Comment ที่เปิดโอกาสให้คนอ่าน สามารถ Comment ข้อความต่อท้ายในเรื่องที่เรา post ได้ คล้ายๆรูปแบบของ Webboard ไม่ว่าจะเป็นติชม แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม หรือบอกแหล่งข้อมูลใหม่ๆ หรืออาจจะแค่ทักทายเจ้าของ Blog
ขอขอบคุณแหล่งที่มาแหล่งนี้
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
พันธ์กล้วยไม้ไทย หายาก
|
วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
10 สายพันธุ์แมวยอดนิยมในไทย
10 สายพันธุ์แมวยอดนิยมในไทย
แมวเปอร์เซีย (Persian)
ราชินีแมวจากแดนตะวันออกกลาง ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกีกับอิหร่านในปัจจุบัน แมวเปอร์เซียถือเป็นแมวต่างประเทศสายพันธุ์แรกที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย สิ่งที่ทำให้แมวสายพันธุ์นี้ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่คนรักแมวก็เพราะว่า นอกจากจะมีหน้าตาน่าเอ็นดูแล้ว ขนปุกปุยของแมวเปอร์เซียยังมีสีสันที่หลากหลาย และนิสัยส่วนตัวก็น่ารักด้วย
ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวเปอร์เซีย
แมวเปอร์เซีย เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรง หัวและหน้ากลม หน้าผากโหนก แก้มเต็ม ดวงตากลมโต และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน มีจมูกที่หัก กล่าวคือ สังเกตได้ชัดเจนเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นจุดหักระหว่างจมูกกับหน้าผากชัดเจน เมื่อมองจากด้านหน้าจะเห็นเป็นขีดอยู่ระหว่างดวงตา
นอกจากหน้าตาที่น่ารักแล้ว ยังเป็นแมวที่มีอุปนิสัยอ่อนโยน เข้ากับคนอื่นได้ง่าย มีความร่าเริงซุกซน ปีนป่ายไปตามจุดต่าง ๆ เพื่อหาของมากัดเล่น ช่างประจบประแจง และเป็นแมวที่มีไหวพริบมากทีเดียว
การเลี้ยงดูแมวเปอร์เซีย
เมื่อตัดสินใจจะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้แล้ว จงพึงระลึกไว้เสมอว่า การดูแลขนของแมวเปอร์เซียเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ผู้เลี้ยงต้องหมั่นทำความสะอาด โดยการแปรงและสางขนแมวอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันการเกิดขนพันกัน ซึ่งอาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค รวมทั้งพยาธิต่าง ๆ ที่จะเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบและเป็นที่อยู่ของเห็บหมัดอีกด้วย
ส่วนในเรื่องของอาหารการกินนั้น ควรเลือกอาหารที่ช่วยให้ทางเดินอาหารของแมวไม่อุดตัน เนื่องจากแมวเปอร์เซียจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลียทำความสะอาดขน อันเป็นสาเหตุในการกินหรือกลืนเส้นขนเข้าไปเป็นจำนวนมาก หากเส้นขนไปรวมตัวกันในช่องท้อง จะทำให้แมวเปอร์เซียมีอาการสำรอกหรือเกิดปัญหาของระบบย่อยอาหารได้
pet.kapook.com/view70394.html
วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและเป็นยุคสารสนเทศ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็สะดวกสบายไปเสีย หมด จะติดตามข่าวสารต่างๆ ก็สะดวกสบายขึ้น การติดต่อสื่อสารก็ง่ายขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ทุกอย่างนั้นสะดวกขึ้นเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งการทำงานของเราก็
สะดวกขึ้น เพราะปัจจุบันนี้ ในการทำงานก็มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่เห็นง่ายๆ เลย ก็คือ การนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการหรือหน่วยงานเอกชนล้วนแล้วแต่นำคอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานทั้งนั้น แล้วรู้กันหรือไหมว่า คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนั้นมีส่วนประกอบอะไรบ้าง และมีความสำคัญอย่างไร วันนี้เรามารู้จักกับคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ที่เราใช้งานกันอยู่ดีกว่า
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์หลักๆ
1. โปรเซสเซอร์ (Processor) นั่นก็คือหน่วยประผลกลางหรือที่รู้จักกันในนามของซีพียู (CPU) นั่นเอง หรือเรียกว่าซิป
2. หน่วยความจำ (Memory) หรือ RAM นั่นเอง ซึ่ง RAM นั้นเป็นหน่วยความจำหลักที่จำเป็นในการเก็บข้อมูลต่างๆ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าหน่วยความจำสำรองนั่นเอง
3. ส่วนอินพุต/เอาต์พุต (Input/Output) ก็คืออุปกรณ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถสัมผัสและรับรู้สิ่งต่าง ๆ เช่น เครื่องอ่านบัตร คีย์บอร์ด เมาส์ สแกนเนอร์ และอุปกรณ์ Output ก็ได้แก่พวก เครื่องพิมพ์
4. สื่อจัดเก็บข้อมูล (Storage) นั่นก็คือสื่อที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูล เช่น ฮาร์ดดิสก์ ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559
ขนมไทย
ขนมไทย
1. ขนมทองหยิบ เป็น ขนมมงคล ชนิดหนึ่ง มี ลักษณะ งดงามคล้าย ดอกไม้สีทอง ต้องใช้ ความสามารถและ ความพิถีพิถัน เป็นอย่างมาก ใน การ ประดิษฐ์ประดอย จับกลีบ ให้มีความงดงามเหมือนกลีบดอกไม้ ชื่อ ขนมทองหยิบ เป็นชื่อ สิริมงคล เชื่อว่าหากนำไปใช้ประกอบ พิธีมงคล ต่างๆ หรือให้เป็น ของขวัญ แก่ใครแล้ว จะทำให้เกิด ความมั่งคั่งร่ำรวย หยิบจับ การงาน สิ่งใดก็จะ ร่ำรวย มีเงินมีทอง สมดังชื่อ "ทองหยิบ" 2. ขนมทองหยอด ใช้ประกอบใน พิธีมงคล ทั้งหลาย หรือมอบเป็น ของขวัญ ใน โอกาสสำคัญ ๆ แก่ผู้ใหญ่ที่เคารพรัก หรือ ญาติสนิทมิตรสหาย แทน คำอวยพร ให้ ร่ำรวยมีเงินมีทอง ใช้จ่ายอย่างไม่รู้หมดสิ้น ประดุจให้ ทองคำ แก่กัน |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)